เชื่อว่าเหล่าเกมเมอร์รุ่นเก๋าจำนวนมากมายทั่วโลก หลังได้รับทราบข่าวคราวเกี่ยวกับการนำภาพยนตร์แอ๊คชั่นสุดโด่งดังเมื่อหลายสิบปีก่อนอย่าง “แรมโบ้” ที่สร้างชื่อให้ “ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน” กลายเป็นดาราชื่อก้องโลก มาสร้างเป็นเกมเพื่อวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 2014 ต่างมีความรู้สึกที่หลากหลายแปลกแยกกันไป บางคนอาจรู้สึกดีใจ แต่ส่วนใหญ่น่าจะรู้สึกประหลาดใจมากกว่า เช่นเดียวกับ “ฮันส์แบ๊ก” ที่ออกอาการงงงวยพอสมควรว่า ค่ายเกม “รีฟ เอ็นเตอร์เทนเมนต์” คิดอะไรอยู่ ทว่า ภายในใจลึก ๆ ก็เอาใจช่วย หวังว่าพวกเขาจะทำสำเร็จในการทำให้ตัวละครอย่าง “จอห์น แรมโบ้” ได้ยืนยืดอกอย่างสง่างามในแวดวงเกม แม้ปัจจุบันชื่อของ “สตอลโลน” กับแวดวงหนังแอ๊คชั่นสไตล์ระเบิดภูเขาเผากระท่อม จะขายไม่ค่อยออกแล้วก็ตาม
สำหรับคนที่อายุเกิน 30 ปี คงไม่ต้องอธิบายความคำว่า “แรมโบ้” แต่อย่างใด แต่เด็กรุ่นใหม่ที่อายุไม่ถึง 15 ปี คงต้องคุยกันยาวหน่อยว่า “แรมโบ้” คืออะไร?
ภาพยนตร์เรื่อง “แรมโบ้” เข้าโรงฉายภาคแรกในปี ค.ศ. 1982 หนังโกยเงินถล่มทลาย พร้อมสร้างชื่อให้ “สตอลโลน” กลายเป็นดาราระดับแม่เหล็กของวงการฮอลลีวูด ก่อนจะออกภาค 2 (1985) และ 3 (1988) ที่กลายเป็นหนังไตรภาคระดับตำนานขึ้นหิ้ง ส่วนภาค 4 ที่เข้าฉายไปเมื่อ 5 ปีก่อน ประสบความล้มเหลวทั้งด้านรายได้และเสียงวิจารณ์ ส่งผลให้ผู้คร่ำหวอดในวงการหนังทั่วโลก กล้า ๆ ออกมาฟันธงว่า “แรมโบ้” คงจะไม่มีภาค 5 ออกมาให้เราได้ชมกันอีก อย่างไรก็ตาม “รีฟ เอ็นเตอร์เทนเมนต์” สร้างเซอร์ไพร้ส์ให้กับผู้คนทั่วโลก ด้วยการสอยลิขสิทธิ์ “แรมโบ้” หวังนำมาแจ้งเกิดอีกครั้งในวงการเกม ที่ก่อนหน้านี้ “แรมโบ้” เคยถูกนำมาสร้างเป็นเกมไปแล้วหลายรอบ แต่ไม่เคยใกล้เคียงคำว่าประสบความสำเร็จแม้แต่สักครั้งเดียว
ในเกม “แรมโบ้: เดอะ วิดีโอ เกม” ผู้เล่นจะต้องสวมบทบาทเป็น “จอห์น แรมโบ้” โดยเนื้อเรื่องเป็นการผนวกหนังทั้งสามภาคแรกเข้าด้วยกัน ตัวเกมมีให้ตะลุยกัน 16 ด่าน ศัตรูมีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไปถึง 25 แบบ รวมไปถึงการต่อสู้กับบอสใหญ่แต่ละด่าน ด้านปืนมีให้เลือกสาดกระสุนกันมากถึง 15 ชนิด รวมไปถึงอาวุธสุดคลาสสิกอย่าง “ธนู” ด้วย เสียงในเกมก็อัดมาจากฟิล์มภาพยนตร์จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงตัวละคร, เสียงปืน, เสียงระเบิด ฯลฯ
อย่างไรก็ดี เรื่องแปลกอย่างหนึ่งบนโลกใบนี้ก็คือ วงการเกมกับวงการหนังเปรียบเสมือน “น้ำกับน้ำมัน” ที่ไม่มีทางเข้ากันได้ ไม่เคยมีเกมที่สร้างจากหนังแล้วประสบความสำเร็จ หรือเป็นเกมที่ดีได้เลย และ “แรมโบ้” เวอร์ชั่น 2014 ก็ยังคงตกอยู่ในอาถรรพณ์ดังกล่าว เกมได้รับคะแนนรีวิวจากเว็บไซต์วิจารณ์เกมชื่อดังทั้งหลายในระดับแย่-พอใช้เท่านั้น
บทสรุปของ “แรมโบ้: เดอะ วิดีโอ เกม” นี่คือเกมที่เต็มไปด้วยข้อตำหนิติเตียนมากมายก่ายกองที่ผู้เล่นสามารถสรรหามาจิกกัด ขณะที่ข้อดีแทบจะเหมือนการงมเข็มในมหาสมุทร เพราะฉะนั้น หากคุณไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ชนิดเข้าเส้นเลือดของ “แรมโบ้” นี่คือเกมที่คุณไม่อยากสัมผัสอย่างแน่นอน ภาพกราฟิกอยู่ในเกณฑ์ไม่น่าอภิรมย์เลย ปัญญาประดิษฐ์ในเกมก็ทำให้เกมดูแย่ลงไปอีก มีเพียงระบบเสียงที่ใช้ซาวด์แทร็กจากฟิล์มหนังเก่าที่พอจะเชิดหน้าชูตาเกมนี้ได้บ้าง ซึ่งถือเป็นไอเดียอันยอดเยี่ยมของทีมพัฒนา แต่ถ้าคุณทำเกมแอ๊คชั่น-แอดเวนเจอร์ ในยุคปี ค.ศ. 2014 ที่เกมเทพอย่าง “จีทีเอ5” ก้าวไปไกลลิบชนิดสุดกู่แล้ว การที่ “รีฟ เอ็นเตอร์เทนเมนต์” ปล่อยให้ “แรมโบ้ 2014” มีสภาพประหนึ่งเรากำลังนั่งไทม์แมชชีนย้อนยุคไปเล่นเกมยิงตู้แบบหยอดเหรียญตามห้างสรรพสินค้า เมื่อ 30 ปีก่อน ถือเป็นอะไรที่ไม่เวิร์กเอามาก ๆ ท้ายที่สุดแล้ว เราอาจต้องปล่อยให้ “แรมโบ้” กลายเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าขาน หรือเป็นหนังคลาสสิกที่หยิบมาดูเพื่อย้อนรำลึกถึงมนต์ขลังเมื่อวันวานเพียงเท่านั้น และหวังว่า มันจะไม่ปรากฏชื่อเป็นเกมอีกต่อไปตราบนานเท่านาน.